ปัญหาหน้าเหี่ยวย่นมาก แก่ก่อนวัยเกิดจากอะไร แก้ไขวิธีไหนเห็นผลเร็ว

ปัญหาหน้าเหี่ยวย่นมาก แก่ก่อนวัยเกิดจากอะไร แก้ไขวิธีไหนเห็นผลเร็ว

ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย สิ่งที่เรา ๆ กังวลเหมือนกันหมดก็คือปัญหาหน้าเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น และแน่นอนว่ามนุษย์เรานั้นอยู่คู่กับการค้นหาเคล็ดลับและวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดปัญหาหน้าเหี่ยวย่นมาอย่างยาวนาน และหากใครที่กำลังประสบกับปัญหานี้หรือกังวลเรื่องริ้วรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ ในบทความนี้เราจะมาบอกวิธีที่ช่วยให้เห็นผลได้เร็วที่สุด

ปัญหาหน้าเหี่ยวย่น มีริ้วรอย เกิดจากสาเหตุใด?

ปัญหาหน้าเหี่ยว เกิดจากหลากหลายปัจจัย แต่โดยส่วนมากแล้วมักเกิดจาก สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

อายุที่มากขึ้น

อายุที่มากขึ้นถือเป็นสาเหตุหลักของปัญหาหน้าเกี่ยวย่นและมีริ้วรอย เนื่องจากอายุที่มากขึ้นนั้นจะทำให้ร่างกายของเราผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง รวมไปถึงการสร้างอีลาสตินในชั้นผิวก็ทำงานได้ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ผิวหน้าที่เคยกระชับกลับเหี่ยวย่น มีริ้วรอย และไม่ยืดหยุ่นเหมือนตอนที่อายุยังน้อย

สภาพแวดล้อม

สภาพแวดล้อมก็เป็นตัวกระตุ้นให้ผิวเกิดผิวหนังเหี่ยวและแก่ก่อนวัยได้ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะต่าง ๆ รังสียูวีจากแสงแดด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และเมื่อผิวขาดความชุ่มชื้นก็จะเกิดเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่นนั่นเอง

การดื่มน้ำน้อย

น้ำเป็นสิ่งที่สำคัญกับทุก ๆ ชีวิต การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอจะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อผิวเพราะช่วยให้ผิวดูอวบอิ่ม ตึงกระชับ การดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้เซลล์ผิวเหี่ยว ทำให้ใบหน้าเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้

การใช้ชีวิตประจำวันและพฤติกรรมบางอย่าง

การใช้ชีวิตและพฤติกรรมบางอย่างก็อาจส่งผลต่อการเกิดริ้วรอยบนผิวหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงอารมณ์ทางสีหน้า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ รวมไปถึงการทานอาหารที่มีสารกระตุ้นให้เกิดความแก่ก็ทำให้เกิดปัญหน้าาหน้าเหี่ยวได้

10 วิธีทำให้หน้าไม่เหี่ยว ชะลอความแก่ก่อนวัยจะมาเยือน

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีคำถามค้างคาในใจว่าหน้าเหี่ยว ทำไงดี การแก้ไขปัญหาหน้าเหี่ยวนั้นมีหลากหลายวิธี และต้องอาศัยการดูแลระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ และสำหรับวิธีในการทำให้หน้าไม่เหี่ยว ชะลอความแก่ก่นวัยจะมาเยือน สามารถทำได้ ดังนี้

1. บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้า

การใช้ครีมบำรุงผิวถือเป็นวิธีเบื้องต้นที่แนะนำให้ทุกคนทำ โดยแนะนำให้บำรุงผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิววันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและก่อนเข้านอน โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของริ้วรอย เช่น ไฮยาลูโรนิค โคเอนไซม์คิวเท็น วิตามินซี วิตามินอี หรือเรตินอล เป็นต้น นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายของแสงแดด

ข้อดี

  • สามารถทำได้ทุกวันเป็นกิจวัตรประจำวัน
  • มีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมาย

ข้อเสีย

  • ต้องใช้ระยะเวลาจนกว่าจะเห็นผล
  • ผลลัพธ์เห็นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

2. เลี่ยงพฤติกรรมทำหน้าเหี่ยว

พฤติกรรมและการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างส่งผลให้เกิดริ้วรอยบนผิวหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการนอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ปาร์ตี้จัด ชอบเอามือถูหน้าแรง ๆ หรือแม้กระทั่งไม่ยอมทาครีมกันแดด พฤติกรรมเหล่านี้มักเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยก่อนวัย

ข้อดี

  • สุขภาพร่างกายโดยรวมดีขึ้นด้วย

ข้อเสีย

  • ต้องอาศัยการมีวินัยในตัวเองสูง
  • ไม่ได้ช่วยลดริ้วรอย แต่ป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต

3. ให้ความสำคัญกับอาหาร

อาหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุก ๆ ชีวิต แต่ด้วยชีวิตที่เร่งรีบทำให้หลาย ๆ คนไม่ให้ความสำคัญกับการกินอาหารที่มีประโยชน์มากนัก หากไม่อยากให้ผิวหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย แนะนำให้เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย กินอาหารที่หลากหลาย และถุกต้องตามหลักโภชนาการ เพื่อให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ และเป็นการชะลอความแก่อย่างได้ผลอีกด้วย

ข้อดี

  • สุขภาพร่างกายโดยรวมดีขึ้นด้วย
  • ผิวพรรณสวยจากภายในสู่ภายนอก

ข้อเสีย

  • ต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลาย

4. เลเซอร์ลดริ้วรอย

การยิงเลเซอร์บนผิวหนังสามารถลดริ้วรอยได้อย่างเห็นผล โดยการทำเลเซอร์นั้นจะเป็นการไปกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ จึงช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ป้องกันใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่น และช่วยลดปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ บนผิวหน้าได้ แต่ทั้งนี้ การยิงเลเซอร์นั้นจำเป็นต้องอาศัยการพักหน้าเป็นระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากผลลัพธ์ของการเลเซอร์ผิวหนังจำเป็นต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผล

ข้อดี

  • สามารถทำได้ทุกวันเป็นกิจวัตรประจำวัน
  • มีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมาย

ข้อเสีย

  • ต้องใช้ระยะเวลาจนกว่าจะเห็นผล
  • ผลลัพธ์เห็นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

5. ฉีดโบลดริ้วรอย

สำหรับการแก้ไขปัญหาผิวหนังเหี่ยว มีริ้วรอยตีนกา และปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยทั้งหลายในยุคนี้ การฉีดโบลดริ้วรอยถือเป็นวิธีที่มาแรงและได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ชัดเจน แถมยังราคาไม่แพง อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องพักฟื้นใด ๆ ก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ

ข้อดี

  • ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
  • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน

ข้อเสีย

  • รู้สึกเจ็บขณะทำ
  • อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดด

6. ฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอยร่องลึก

การฉีดฟิลเลอร์ คือการเติมเต็มสารไฮยาลูโรนิคที่มีความปลอดภัยเพื่อเข้าไปเติมเต็มชั้นผิวให้ดูเต็มและเต่งตึงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความไม่เรียบเนียนหรือร่องลึกต่าง ๆ บนผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

ข้อดี

  • ใช้เวลารักษาน้อย
  • ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
  • ยกกระชับใบหน้าให้สวยเข้ารูปได้

ข้อเสีย

  • ต้องระมัดระวังการฉีดฟิลเลอร์ปลอม เพราะอาจเกิดอันตรายได้

7. HIFU ยกกระชับหน้า

การทำ Hifu ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เป็นที่นิยมในการลดรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ บนผิวหน้า เพราะสามารถช่วยยกกระชับผิวได้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ อีกทั้งยังสามารถช่วยยกกระชับเหนียงได้อีกด้วย โดยการทำ Hifu มีข้อดีตรงที่สามารถทำแล้วเห็นผลได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องใช้เข็ม สะดวก และใช้เวลาทำไม่นาน

ข้อดี

  • ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด
  • มีความปลอดภัยสูง
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

ข้อเสีย

  • อาจเกิดอาการบวมแดงหรือชาที่ผิวหน้า แต่จะหายได้เอง

8. ร้อยไหมยกกระชับผิวหย่อนคล้อย

การร้อยไหมยกกระชับผิวนั้นเป็นการใช้ไหมละลายสอดลงไปในชั้นผิวหนังเพื่อยกกระชับจุดต่าง ๆ บนใบหน้าให้ดูเต่งตึงมากยิ่งขึ้น เช่น บริเวฯหางคิ้ว หางตา เป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่ไม่กลัวเข็มและต้องการเห็นผลลัพธ์ไว

ข้อดี

  • ยกกระชับผิวให้กลับมาเต่งตึง
  • ลดริ้วรอยได้อย่างเห็นผล

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะกับคนกลัวเข็ม
  • ใช้ระยะเวลา กว่าจะเห็นผล

9. ฉีดเมโสให้ผิวอ่อนเยาว์

การฉีดเมโสนั้น เรียกได้ว่าเป็นการฉีดเพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นและเติมคอลลาเจนให้กับผิว ซึ่งเป็นอีกวิธีทำให้หน้าไม่เหี่ยว และสามารถทำร่วมกับหัตถการอย่างอื่นได้โดยไม่ส่งผลเสียใด ๆ แต่กลับจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากพื้นฐานผิวหน้าที่ดีคือผิวที่แข็งแรง

ข้อดี

  • เติมเต็มคอลลาเจนในชั้นผิว
  • ให้ผิวดูสุขภาพดีจากภายใน

ข้อเสีย

  • อาจเกิดอาการฟกช้ำ อักเสบ หากไม่ได้รับการฉีดที่ถูกต้อง
  • จำเป็นต้องรับการฉีดซ้ำ

10. ผ่าตัดดึงหน้า

เป็นวิธีที่อยู่ในตัวเลือกอันดับสุดท้ายเนื่องจากเป็นวิธีที่ต้องอาศัยการผ่าตัด ต้องเจ็บตัว ต้องพักฟื้น อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูงจากทั้งยาสลบ และอาจเกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่บาดแผล อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูง แถมยังต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน แต่วิธีนี้นั้นให้ผลลัพธ์ใบหน้ากลับมาเรียบเนียน ตึงกระชับ ไร้ริ้วรอย และดูเด็กลง

ข้อดี

  • ใบหน้าเรียบเนียน เต่งตึงขึ้น
  • ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ดี

ข้อเสีย

  • ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน
  • มีความเสี่ยง และเจ็บตัว

วิธีป้องกันไม่ให้หน้าเหี่ยว ย่น ก่อนวัย

นอกจากการใช้บริการหัตถการด้านความงามแล้ว ยังมีวิธีป้องกันไม่ให้หน้าเหี่ยวย่นหรือดูแก่ก่อนวัยที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ในทุกวัน เพราะการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างของเราอาจทำร้ายผิวให้แก่ก่อนวัยโดยไม่รู้ตัว การป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ย่อมดีกว่าการมาแก้ไขทีหลังอย่างแน่นอน

พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้า แถมยังดีต่อร่างกายโดยรวมอีกด้วย นอกจากนี้ การพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูในขณะที่นอนหลับพักผ่อน ถือเป็นการป้องกันปัญหาหน้าเหี่ยวย่นก่อนวัยในระยะยาว

ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

รังสีอัลตร้าไวโอเล็ตในแสงแดดมีส่วนทำร้ายผิวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังสียูวีบีที่ทำให้ผิวหน้าเหี่ยวย่น แห้งกร้าน และดูแก่ก่อนวัย ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาหน้าแก่จากการทำร้ายผิวของแสงแดด แนะนำให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันก่อนออกจากบ้าน รวมถึงวันที่อยู่ในร่มก็ไม่ควรมองข้ามการทาครีมกันแดดด้วย

ทำความสะอาดผิวอย่างหมดจด

การดูแลเรื่องความสะอาดของผิวถือเป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพผิวที่ดี เนื่องจากในแต่ละวันผิวหน้าของเราต้องเผชิญกับฝุ่นละออง ควัน และสิ่งสกปรกมากมาย รวมไปถึงเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เราประโคมลงบนผิวในตอนเช้า เมื่อกลับมาถึงบ้านในตอนเย็นควรทำความสะอาดอย่างหมดจด

กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

อาหารก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยในการช่วยป้องกันปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย เนื่องจากอาหารในยุคนี้นั้นมักถูกปรุงแต่งให้เก็บไว้ได้นาน รวมไปถึงสามารถหยิบทานได้ไว ทำให้คุณค่าของสารอาหารนั้นไม่ได้สดใหม่หรือมีคุณภาพมากนัก แนะนำให้ทานอาหารจำพวกผักหรือผลไม้ เพราะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง เปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดี และสามารถช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ อาหารที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ แครอท มะละกอสุก มะม่วงสุก มะเขือเทศ เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้เมื่อทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้นได้

ทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ

การทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ให้ผิวดูอิ่มเอิบ เปล่งปลั่ง นอกจากนี้ การเลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต่อต้านริ้วรอยจะช่วยให้สามารถปกป้องผิวจากริ้วรอยได้ เช่น เรตินอล คอลลาเจน ไฮยาลูโรนิค วิตามินซี หรือวิตามินอี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังไม่ควรมองข้ามการทาครีมที่มือ คอ ซึ่งเป็นบริเวณที่เป็นสัญญาณบ่งบอกอายุที่ชัดเจนที่สุด

ไม่รบกวนผิวมากเกินไป

ไม่สครับ ขยี้ สัมผัสหน้าแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวเกิดรอยยับ รอยเหี่ยวย่นได้ หากต้องการสครับผิว แนะนำให้สครับสัก 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ เวลาทาครีมยังควรเบามือที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรอบดวงตา เพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณที่บอบบางที่สุดบนผิวหน้า

หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า สูบบุหรี่

การดื่มเหล้า สูบบุหนี่ นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพรอบด้านแล้ว ยังทำให้หน้าเหี่ยว หน้าแก่ก่อนวัยอีกด้วย เพราะสารนิโคตินในบุหรี่นั้นทำให้การไหลเวียนของเลือดนั้นช้าลงกว่าปกติ ทำให้ผิวแห้งกร้าน ผิวซีดเหี่ยว หย่อนยาน และเมื่อเป็นแผล สิว หรือริ้วรอย ก็จะฟื้นฟูได้ยาก

เลือกใช้ปลอกหมอนหรือผ้าเช็ดหน้าที่มอบสัมผัสนุ่ม

หลาย ๆ คนมักจะมองข้ามการเลือกใช้ปลอกหมอนหรือผ้าเช็ดหน้าไป เพราะคิดว่าไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการก่อให้เกิดริ้วรอยบนผิวหน้า แต่จริง ๆ แล้วการเลือกใช้ปลอกหมอนหรือผ้าเช็ดหน้าที่หยาบและแข็งกระด้าง จะทำให้เกิดการเสียดสีบนผิวและอาจทำให้เกิดริ้วรอยได้

วิธีเลือกคลินิกดูแลผิวหน้า แก้ปัญหาหน้าเหี่ยวย่น

เมื่อริ้วรอยเริ่มมาเยือนบนผิวหน้า แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากที่จะกำจัดมันออกไปได้อย่างถาวร และอีกหนึ่งกลยุทธ์ปราบริ้วรอยตีนกาหรือความเหี่ยวย่นก่อนวัย คือ การใช้บริการคลินิกดูแลผิวหน้า ที่มีหลากหลายบริการให้เลือกในการแก้ปัญหาเหี่ยวย่น แต่ทั้งนี้ ในปัจจุบันก็มีตัวเลือกคลินิกความงามให้เลือกมากมายในการใช้บริการ ทำให้หลาย ๆ คนอาจเลือกไม่ถูกว่าจะใช้บริการคลินิดดูแลผิวหน้าอย่างไรดี

การเลือกใช้บริการคลินิกความงาม แนะนำให้เลือกใช้บริการคลินิกด้วยปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

เลือกใช้บริการคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงในการเลือกใช้บริการคลินิกความงาม คือ การเลือกใช้บริการคลินิกที่มีความสะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐาน โดยสังเกตได้จากป้ายชื่อที่ควรมีความชัดเจน และใบอนุญาตประกอบธุรกิจคลินิกความงาม และเนื่องจากปัจจุบันมีคลินิกความงามเปิดให้บริการมากมาย มีทั้งแบบที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ แนะนำให้เลือกใช้บริการคลินิกที่ได้มาตรฐานจะดีที่สุด

เลือกใช้บริการคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

คุณหมอเก่ง ๆ ผู้มากไปด้วยประสบการณ์จะช่วยให้การทำสวยออกมาได้ผลเป็นที่น่าประทับใจ และแน่นอนว่าก่อนจะเลือกใช้บริการคลินิกดูแลผิวหน้าใด ๆ แนะนำให้เลือกคลินิกที่มีคุณหมอเก่ง ๆ โดยคุณหมอนั้นควรมีใบประกอบวิชาชีพ และควรหารีวิวเคสจริงของคุณหมอก่อนเลือกตัดสินใจใช้บริการด้วย

เลือกใช้บริการคลินิกที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่

เทคโนโลยีในยุคนี้นั้นก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและไปไกลกว่าที่เราคิด แน่นอนว่าในอุตสาหกรรมความงามก็เช่นเดียวกัน ก่อนจะเลือกใช้บริการคลินิกดูแลผิวหน้าใด ๆ แนะนำให้เลือกใช้บริการคลินิกที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทันสมัย เพราะจะช่วยให้เห็นผลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีเก่า ๆ นั่นเอง

เลือกใช้บริการคลินิกที่มีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน

นอกจากเรื่องมาตรฐาน ความปลอดภัย ฝีมือคุณหมอ และเทคโนโลยีที่ใช้ในคลนิก อีกสิ่งที่เราอยากแนะนำให้พิจารณาคือเรื่องของช่องทางการติดต่อที่ชัดเจนของคลินิกดูแลผิวหน้า เนื่องจากคลินิกเปิดใหม่มากมายอาจไม่ใช่คลินิกที่ได้มาตรฐาน ดังนั้น หากไม่มีที่อยู่หรือช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน ให้ปัดตกไปก่อนได้เลย และไม่นำให้เลือกใช้บริการเด็ดชาด เพราะไม่อาจติดตามใครมารับผิดชอบในกรณีที่เกิดปัญหา

เลือกใช้บริการคลินิกที่มีการให้คำแนะนำอย่างชัดเจน

หลาย ๆ คลินิกมักจะเน้นขายของมากจนเกินไปจนละเลยการให้คำแนะนำดี ๆ แก่ลูกค้า แต่การไม่ให้คำแนันำแก่ลูกค้าอย่างครบถ้วนอาจส่งผลต่อผลลัพธ์และคุณภาพในการดูแลผิวหน้าได้ ดังนั้น เพื่อทั้งความสบายใจและความสบายใจ แนะนำให้เลือกใช้บริการคลินิกความงามที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างครบถ้วนชัดเจน เพราะนอกจากจะช่วยให้ได้รับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ อย่างครบถ้วนแล้ว ยังเป็นการซื้อใจลูกค้า ให้บริการอย่างเป็นมืออาชีพอีกด้วย

ทำไมต้องเลือก Galderma?

เหตุผลที่แนะนำให้เลือกใช้ Galderma เพราะ Galderma นั้นดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมด้านความงามมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี โดยได้ขยายธุรกิจไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังนำเสนอนวัตกรรมด้านความงาม ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลผิวหน้าอย่างครบวงจรมากมายที่เหล่าคลินิกความงามทั่วโลกต่างไว้วางใจ