ฉีดโบกี่วันเห็นผล? ใครอยากฉีดโบต้องรู้

การฉีดโบจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันจึงจะเห็นผล และจะเริ่มเห็นผลหลังฉีดอย่างชัดเจนเต็มที่เมื่อฉีดไปแล้ว 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ ในแต่ละตำแหน่งนั้นยังเห็นผลโดยใช้ระยะเวลาที่แตกต่างกันอีกด้วย โดยถ้าเป็นการฉีดโบเพื่อจุดประสงค์ในการลดริ้วรอยจะเห็นผลเร็วกว่าการฉีดในตำแหน่งอื่น ๆ

การฉีดโบได้กลายมาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ความงามที่สาว ๆ หลายคนต่างให้ความสนใจ เพราะมีประโยชน์มากมายไม่เพียงแต่ช่วยปรับรูปหน้าเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ในเรื่องของการช่วยลดเลือนริ้วรอยบนผิวหน้า และช่วยให้ผิวในบริเวณต่าง ๆ กลับมาดูเรียบตึงอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่บริเวณหว่างคิ้ว หางตา ร่องแก้ม หน้าผาก หรือบริเวณคอ เป็นต้น

ฉีดโบกี่วันเห็นผล?

อย่างที่เกริ่นไปแล้วข้างต้น หลังจากที่หลาย ๆ คนมีคำถามกันเข้ามาว่าฉีดโบกี่วันเห็นผล โดยคำตอบ คือ การฉีดโบจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันจึงจะเห็นผล แต่บริเวณต่าง ๆ บนใบหน้านั้นก็เห็นผลหลังจากฉีดโบในระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป โดยระยะเวลาการฉีดโบที่เห็นผลนั้นแตกต่างกันระหว่างการฉีดโบเพื่อลดกรามและการฉีดโบเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า

การฉีดโบลดกราม

ระยะเวลาในการเห็นผลหลังจากฉีดโบนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของกราม โดยหลังจากฉีดโบไป 1 สัปดาห์ กล้ามเนื้อบริเวณกรามจะเริ่มยุบโดยเมื่อกัดฟันจะเห็นกรามเด้งออกมาเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อกัดฟันจะไม่เห็นกรามเด้งออกมา และจะเห็นผลลัพธ์ว่ากรามลดลงอย่างเต็มที่หลังฉีดโบลดกรามประมาณ 2-3 เดือน

การฉีดโบลดริ้วรอย

สำหรับในส่วนของการฉีดโบเพื่อลดริ้วรอยนั้นจะเริ่มรู้สึกเห็นว่าผิวหนังบริเวณต่าง ๆ บนผิวหน้าเริ่มรู้สึกตึง และริ้วรอยต่าง ๆ เริ่มตื้นขึ้น ในบางคน เริ่มเห็นผลภายใน 24 ชั่วโมงหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ชัดเจนภายใน 1 สัปดาห์ 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการฉีดโบแล้วเห็นผลมีอะไรบ้าง

การฉีดโบจะเห็นผลลัพธ์บนใบหน้าได้อย่างชัดเจนหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย โดยส่วนมากนั้นจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของโบ ซึ่งการเลือกโบที่มีคุณภาพดีและได้รับการรับรองมาตรฐานและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาจะช่วยให้เห็นผลมากกว่า แต่นอกจากปัจจัยในเรื่องของตัวยาเองแล้วก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนี้

ปัจจัยด้านความเข้มข้น

ความเข้มข้นของสารถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ฉีดโบแล้วเห็นผล โบที่มีส่วนผสมของน้ำเกลือในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้การฉีดโบเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

ปัจจัยด้านตำแหน่งที่ฉีด

การฉีดโบถูกตำแหน่งนั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจากคุณหมอที่มีประสบการณ์สูง เพราะผู้ที่มีประสบการณ์สูงในด้านการฉีดโบจะรู้ว่าควรฉีดที่ตรงตำแหน่งไหนของกล้ามเนื้อ การฉีดถูกจุด ถูกตำแหน่ง จะช่วยให้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนหลังฉีด

ปัจจัยด้านคุณภาพของตัวยา

คุณภาพของสารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลต่อคำถามที่ว่าฉีดโบกี่วันเห็นผล และผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นชัดเจนหรือยาวนานเพียงใดขึ้นอยู่กับคุณภาพของตัวยา โบคุณภาพต่ำหรือโบที่ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาอาจทำให้ไม่เห็นผลหลังฉีดโบ ซึ่งทำให้ไม่มั่นใจว่าฉีดโบอันตรายไหม และอาจทำให้เกิดอาการดื้อสารในอนาคตได้อีกด้วย

โบแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีความแตกต่างกันที่ตัวโมเลกุลของยา ซึ่งขึ้นอยู่กับกรรมวิธีที่ทำให้ตัวยามีความบริสุทธิ์ นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับการจัดเก็บ และชนิดของโปรตีนในยาด้วย

  • โบจากอังกฤษ โดดเด่นในเรื่องของการกระจายตัวยาได้กว้าง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูธรรมชาติและดูไม่แข็งจนเกินไป และด้วยคุณสมบัตินี้เองจึงเหมาะกับการฉีดเข้ากล้ามเนื้อมัดใหญ่ ๆ
  • โบจากโบจากเกาหลี ถือเป็นโบที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างรวดเร็วเพราะมีราคาที่เอื้อมถึงได้ จุดเด่นคือมอบผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แต่คงทนไม่นานเท่าโบจากอเมริกา 
  • โบจากอเมริกา ถือเป็นโบตัวแรกที่ถูกนำมาใช้ในด้านธุรกิจความงาม เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก โดยให้เปอร์เซ็นต์การดื้อยาน้อยเพราะโปรตีนมีโมเลกุลใหญ่ ให้ผลลัพธ์ที่ดีและแม่นยำที่สุด แต่ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูง
  • โบจากเยอรมนี เป็นโบที่มีน้ำหนักโมเลกุลน้อยที่สุด ทำให้สามารถกระจายตัวได้ดีโดยไม่ทำให้ลุคที่ได้ดูมีใบหน้าที่แข็งจนเกินไปคล้าย ๆ กับโบของอังกฤษ

การปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอหลังฉีดโบ

หลังจากฉีดโบเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งใจร้อนรีบถามคุณหมอว่าฉีดโบกี่วันเห็นผล แต่ควรรับฟังคำแนะนำหลังการฉีดโบจากคุณหมอเพื่อปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง เพราะหลังจากฉีดโบแล้วนั้นจะมีข้อห้ามและข้อควรระวังต่าง ๆ มากมาย หากสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างเคร่งครัดก็จะช่วยให้การฉีดโบเห็นผลได้รวดเร็ว และให้ผลลัพธ์อย่างยาวนาน

สามารถฉีดโบบริเวณใดได้บ้าง

การฉีดโบนั้นสามารถฉีดเข้ากล้ามเนื้อได้ทุกบริเวณ แต่สำหรับวงการความงามนั้นนิยมฉีดโบกันในบริเวณที่มักเกิดริ้วรอยได้ง่าย หรือบริเวณที่ต้องลดกล้ามเนื้อให้ใบหน้าดูชัดเจนเข้ารูป ซึ่งการฉีดโบนั้นตอบโจทย์มากกว่าการผ่าตัด เพราะสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ โดยจุดที่เป็นที่นิยมในการฉีดโบ คือ

ฉีดโบหน้าผากลดริ้วรอย

เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามวัย คือ ริ้วรอยย่นที่บริเวณหน้าผาก โดยการฉีดโบสามารถลดริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผากได้เป็นอย่างดี และยังเห็นผลไวกว่าการทาครีมอีกด้วย

ฉีดโบระหว่างคิ้ว หางตาลดริ้วรอย

นอกจากริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผากที่มาตามวัยแล้ว รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วและหางตาก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลาย ๆ คนกังวลไม่น้อย โดยริ้วรอยระหว่างคิ้วนั้นเป็นอะไรที่เห็นได้ชัดมาก ๆ การฉีดโบจะช่วยปรับผิวบริเวณนั้นให้เรียบตึง ผิวยกกระชับ

และสำหรับริ้วรอยหางตา การฉีดโบก็ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ หรือลดริ้วรอยตีนกาได้เป็นอย่างดี การฉีดโบที่หางตานอกจากจะช่วยในเรื่องริ้วรอยแล้ว ยังช่วยให้ดวงตาดูกลมโตสดใสอีกด้วย

ฉีดโบลิฟต์กรอบหน้า

การฉีดโบลิฟต์กรอบหน้านั้นนอกจากจะช่วยให้รูปหน้าเรียวสวยได้รูปแล้ว ยังช่วยให้กรอบหน้าดูชัด ดูคมมากยิ่งขึ้น โดยส่วนมากมักจะฉีดร่วมกับการฉีดโบลดกราม

ฉีดโบปีกจมูก

เพราะปัญหาปีกจมูกบานเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลาย ๆ คน ทำให้การฉีดโบปีกจมูกนั้นกลายเป็นที่นิยมในยุคนี้ การฉีดโบปีกจมูกจะช่วยปรับรูปจมูกที่ดูกว้างให้เรียวเล็กสวยและดูแคบลงโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด

ฉีดโบลดกรามปรับรูปหน้า

การฉีดโบเพื่อปรับรูปหน้าถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่เป็นที่นิยม เพราะเทรนด์รูปหน้าเรียวเล็กนั้นเป็นอะไรที่ดูอินเทรนด์และถือเป็นมาตรฐานความงามที่ทั่วโลกต่างยอมรับ และการฉีดโบก็สามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กและเข้ารูปมากยิ่งขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าบาน กรามใหญ่ที่ต้องการให้ใบหน้าดูเรียว ดู V Shape มากยิ่งขึ้น

ฉีดโบลดโหนกแก้ม

การฉีดโบที่บริโหนกแก้มก็ถือเป็นอีกหนึ่งบริเวณบนใบหน้าที่หลาย ๆ คนต่างนิยมไปฉีด เนื่องจากการฉีดโบลดโหนกแก้มนั้นจะช่วยลดกล้ามเนื้อบริเวณแก้มที่ดูสูงดูใหญ่ให้ดูเล็กลง ให้ใบหน้าดูละมุนสวยนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

ทำไมฉีดโบแล้วไม่เห็นผล เป็นเพราะอะไร

หากใครที่มีความสนใจในวงการศัลยกรรมและความงาม คงจะสังเกตเห็นหลาย ๆ คนบ่นอุบว่าฉีดโบไม่เห็นผลบ้าง ฉีดโบแล้วกรามไม่ลงบ้าง หรืออาจจะกังวลไปว่าฉีดโบกี่วันเห็นผล จะมีปัจจัยอะไรที่ส่งผลให้ไม่เห็นผลหลังการฉีดโบที่ควรรู้ มาดูกันเลย

ความเข้มข้นของโบ

ความเข้มข้นของสารถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ฉีดโบแล้วไม่เห็นผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโบที่ผสมน้ำเกลือจนทำให้สารเจือจาง ซึ่งนอกจากจะทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์แล้ว ยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เพราะตัวยาจะกระจายไปยังจุดรอบ ๆ บริเวณที่ฉีดและอาจทำให้เกิดอาการปากเบี้ยว หนังตาตกได้

ตำแหน่งที่ฉีด

การฉีดโบไม่ถูกตำแหน่งบนกล้ามเนื้อที่ต้องการเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้การฉีดโบไม่เห็นผล เคสเหล่านี้มักเกิดขึ้นกับเหล่าหมอผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือหมอเถื่อน 

คุณภาพของโบ

คุณภาพของสารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลต่อผลลัพธ์หลังฉีดโบ โบคุณภาพต่ำหรือโบที่ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาอาจทำให้ไม่เห็นผลหลังฉีดโบ และอาจทำให้เกิดอาการดื้อสารในอนาคตได้อีกด้วย

สรีระรูปหน้า

การฉีดโบนั้นจะทำการฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพื่อให้กล้ามเนื้อดูตึงกระชับมากยิ่งขึ้น และโดยทั่ว ๆ ไปก่อนการฉีดโบจะต้องผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์ใบหน้าจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน ซึ่งหากรูปหน้าใหญ่จากกระดูกก็อาจทำให้ฉีดโบไม่เห็นผลได้

ฉีดโบบ่อยแค่ไหน และอยู่ได้นานแค่ไหน

การฉีดโบบ่อยจนเกินไปอาจทำให้ร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสารจนทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ความถี่ที่แนะนำในการฉีดโบคือฉีดเว้นระยะห่างจากครั้งล่าสุดเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน แต่ไม่ควรเว้นเกิน 5-6 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์ในการฉีดโบดูต่อเนื่องและยาวนาน

หลังจากฉีดโบ ตัวยาจะออกฤทธิ์อยู่ได้นานเป็นระยะเวลาแค่ไหนขึ้นอยู่กับบริเวณการฉีดโบ โดยหากฉีดโบเพื่อลดกราม ตัวสารจะอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือน และสำหรับโบของ Galderma นั้นจะสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 6 เดือนโดยให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรม ไม่แข็งทื่อ และความโดดเด่นของโบ Galderma นั้นจะช่วยให้สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง

อาการดื้อโบ แก้ไขอย่างไร

อาการดื้อโบสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่เคยรับบริการฉีดโบมาแล้ว และเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทางเราต้องอธิบายก่อนว่าเจ้าสารที่เหล่าสาว ๆ และหนุ่ม ๆ ยุคใหม่นิยมใช้ฉีดนั้นเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปกระตุ้นการทำงานของแอนตี้บอดี้ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อต้านเจ้าสารดังกล่าว และเมื่อร่างกายคุ้นเคยกับเจ้าสารแปลกปลอมที่ถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายนี้ จึงทำให้การฉีดโบไม่เห็นผลอีกต่อไป

สาเหตุของการดื้อโบนั้นอาจมาจาก 3 สาเหตุ ดังนี้

  • การฉีดโบบ่อยเกินไป

ทำให้ร่างกายได้รับสารนี้และผลิตแอนตี้บอดี้ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันขึ้นมา จึงทำให้ผู้ที่ฉีดโบบ่อย ๆ อาจไม่เห็นผลในครั้งหลัง ๆ 

  • การฉีดโบปลอม ไม่มีคุณภาพ ถึงแม้จะฉีดเป็นครั้งแรกก็มักจะให้ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ในครั้งต่อไปเมื่อฉีดโบของแท้ ก็อาจทำให้ไม่เห็นผลเนื่องจากร่างกายจดจำสารนี้และผลิตภูมิคุ้มกันขึ้นมาแล้ว นอกจากนี้ การฉีดโบปลอมยังเสี่ยงเกิดอันตรายได้อีกด้วย
  • การฉีดโบเยอะจนเกินไปตามที่หลาย ๆ คนเข้าใจว่าจะช่วยให้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ทำให้สารตกค้างจนทำให้ร่างกายเกิดอาการดื้อโบได้

วิธีแก้ไขอาการดื้อโบ

ปัจจุบันนั้นการที่ร่างกายเกิดอาการต่อต้านตัวยาหรือที่เราเรียกว่าอาการดื้อโบนั้นยังไม่มีวิธีไหนที่จะรักษาให้หายขาดได้อย่างรวดเร็ว วิธีที่ดีที่สุดที่จะสามารถทำได้ในขณะนี้คือการรอให้ภูมิคุ้มกันนั้นหมดฤทธิ์ไปเอง โดยระยะเวลาให้ภูมิคุ้มกันหมดฤทธิ์นั้นอาจจะต้องใช้ระยะเวลา 3-5 ปี

ป้องกันการดื้อโบตั้งแต่แรกเริ่ม

อาการดื้อโบนั้นอาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานจนกว่าจะสามารถแก้ไขได้ แต่หากต้องการฉีดโบให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน แนะนำให้ป้องกันไว้ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง โดยการป้องกันการดื้อโบสามารถทำได้โดย

  • เลือกใช้โบของแท้ เพราะสารที่ได้จะมีความบริสุทธิ์มากกว่าและปราศจากสารปนเปื้อนที่อาจทำให้ร่างกายเกิดอาการดื้อสารได้
  • เลือกฉีดในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการฉีดเยอะจนเกินไปอาจทำให้ร่างกายสร้างแอนตี้บอดี้ขึ้นมาเป็นภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้ไม่เห็นผลได้
  • เลือกฉีดกับผู้เชี่ยวชาญผู้มีประสบการณ์ เพราะผู้เชี่ยวชาญจะสามารถฉีดได้แม่นยำตรงจุด ทำให้ตัวยาไม่กระจายไปยังจุดต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการ ทำให้ไม่เสียตัวยาไปโดยไม่จำเป็น

ก่อนและหลังฉีดโบต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

การฉีดโบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนและคงอยู่ยาวนานนั้นจำเป็นต้องอาศัยการเตรียมตัวก่อนฉีดและการปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอหลังฉีด โดยการปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดโบทำได้ดังนี้

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบ

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดยาหรืออาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อยเป็นเวลา 5 วันเพื่อป้องกันการเกิดรอยฟกช้ำหลังฉีดโบ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 7 วัน
  • มั่นใจว่าไม่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร

การปฏิบัติตัวหลังฉีดโบ

  • พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อย ๆ เป็นเวลา 4 ชั่วโมงเพื่อให้ตัวยาละลายสู่กล้ามเนื้อได้ดียิ่งขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการนอนราบในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบ
  • ล้างหน้าได้หลังจากฉีดโบไปแล้ว 4 ชั่วโมง และสามารถทาครีมหรือแต่งหน้าได้ในวันถัดไป
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลาประมาณ 3-5 วันหลังฉีดโบ
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีความแข็ง เหนียว 
  • หลีกเลี่ยงการขัดหน้า นวดหน้า หรือทำเลเซอร์ที่บริเวณใบหน้าอย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • หากมีรอยช้ำสามารถประคบอุ่นได้ แต่หากมีรอยนูนจากการฉีด แนะนำให้ประคบเย็น

ข้อห้ามที่ควรรู้หลังฉีดโบมาแล้ว

หลังจากฉีดโบ คุณหมอจะมีข้อห้ามต่าง ๆ และคำแนะนำให้ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การฉีดโบเห็นการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วและผลลัพธ์นั้นคงอยู่ยาวนาน หลังจากที่ฉีดโบมาแล้ว แนะนำให้ระมัดระวังสิ่งแวดล้อมและการดูแลตัวเองโดยหลัก ๆ คือ

  • หลีกเลียงอุณหภูมิที่ร้อนจัด เพราะความร้อนและอุณหภูมิที่สูงอาจส่งผลให้การฉีดโบไม่เห็นผล แต่หลาย ๆ คนอาจจะแย้งมาว่าเพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน แต่จริง ๆ แล้วแสงแดดอันแผดเผาอย่างบ้านเรานั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้ตัวยาละลาย แต่ความร้อนที่ 50 องศาเซลเซียสขึ้นไปอาจทำให้ตัวยาเสื่อมสภาพได้ โดยอุณหภูมิความร้อนในระดับนี้จะพบได้ในกิจกรรม เช่น การเข้าห้องอบซาวน่า การทำเลเซอร์หน้า หรือการทำทรีทเม้นต์ด้วยความร้อน เป็นต้น
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นอะไรที่เรารู้ ๆ กันว่าการดื่มนั้นไม่ดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ แง่มุม ทั้งการทำให้ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ไปจนถึงทำให้ผิวหมองคล้ำไม่สดใส นอกจากนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฉีดโบมาแล้วไม่เห็นผลอีกด้วย 

สรุปเทคนิคที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีดโบ + แนะนำผลิตภัณฑ์ของ Galderma

ก่อนตัดสินใจฉีดโบ แนะนำให้ศึกษารายละเอียดการฉีดโบอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะอะไรที่ต้องฉีดเข้าสู่ร่างกายมักต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เทคนิคที่เราแนะนำก่อนตัดสินใจฉีดโบคือการเลือกใช้บริการคลินิกความงามที่สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐาน นอกจากนี้ การเลือกใช้โบที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาก็ยังมอบความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย

และสำหรับ Galderma แบรนด์เพื่อความงามชั้นนำก็มีโบคุณภาพยอดเยี่ยมผ่านโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานของทางแบรนด์ โดยสามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพและความปลอดภัย เนื่องจาก Galderma เป็นแบรนด์ความงามที่เปิดให้บริการทั่วโลกใน 80 ประเทศ อีกทั้งยังก่อตั้งมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1981 จึงทำให้มั่นใจได้ถึงการให้บริการที่ดีเยี่ยมของทางแบรนด์

โบจาก Galderma เป็นโบคุณภาพจากประเทศอังกฤษ โดยนวัตกรรม ABO Active จากทาง Galderma เอง มีการใช้มาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี กว่า 70 ประเทศทั่วโลก สามารถกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวเรียบเนียน แลดูตึงกระชับ มอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ให้หน้าดูไม่แข็ง และสามารถแสดงออกทางสีหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ เห็นผลไวใน 24 ชั่วโมง และอยู่ได้ยาวนานถึง 6 เดือน นอกจากนี้ยัง ผ่านการรับรองจากหน่วยงานกำกับสุขภาพชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกา รวมถึงผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศไทยอีกด้วย